Sign In
Sign-Up
Welcome!
Close
Would you like to make this site your homepage? It's fast and easy...
Yes, Please make this my home page!
No Thanks
Don't show this to me again.
Close
สารระเหย
สารระเหยคือสารประกอบไฮไดรคาร์บอนที่ได้จากขบวนการผลิตน้ำมันปิโตเลียม และก๊าซธรรมชาติ ลักษณะเป็นไอระเหยในอากาศได้ ชนิดที่มีผู้นำมาเสพโยการสูดดมมีหลายอย่าง เช่น ทินเนอร์ น้ำมันเบนซิน น้ำมันก๊าด กาวน้ำ ยาล้างเล็บ ฯลฯ สารเหลานี้มีฤทธิ์กดระบบประสาทสาวนกลาง อาการปรากฏแตกต่างกันได้ตามชนิดของสารระเหยที่เสพ แต่ส่วนใหญ่เมื่อสูดดมแรกๆ สารระเหยอกฤทธิ์ทำให้เป็นสุขร่าเริง ต่อมาอารมณ์เคลิ้มฝัน จากนั้นมีอาการคล้ายเมาเหล้า เดินโซเซ พูดจาอ้อแอ้ ควบคุมคนเองไม่ได้เมื่อมึนเมามากทำให้หมดสติ ผู้ที่เสพติดแล้วมักมีอาการซึม สมองมึนงง ปวดศรีษะประจำ ความจำเสื่อม และเนื่องจากคุณสมบัติของสารสามารถทำลายอวัยวะ หรือระบบต่างๆ ภายในร่างกาย เช่น ทำลายเนื้อเยื่อของสมอง และระบบประสาท ช่องจมูกและทางเดินหายใจ เม็ดเลือดแดง และไขกระดูก ตับไต ฯลฯ ดังนั้นผู้เพติดสารเหล่านี้อาจเป็นโรค หรืออาการผิดปติ เกิดขึ้นกับร่างกายได้ เช่น เป็นแผลในจมูกและปาก ลมหายใจมีกลิ่นเหม็น มักมีเลือดออกทางจมูก หรือมีอากรปอดอักเสบ นอกจากนี้ยังอาจมีอาการ โรคโลหิตจางผอมซูบซีด ตลอดจนตับและไตเสีย ฯลฯ เมื่อร่างกายขาดยา ผู้เสพมักมีอาการประสาทหลอน ปวดศีรษะ ปวดท้อง ปวดกล้ามเนื้อ จิตคลุ้มคลั่ง โมโหง่าย ฯลฯ
พิษของสารระเหยแบ่งออกเป็น 2 ประเภท
พิษเฉียบพลัน
หลักสูดดมสารระเหยจะมีอาการเหมือนเมาสุรา วิงเวียน อ่อนเพลีย ปวดศรีษะ ตาพร่า มือสั่น อาเจียน หายใจถี่และเร็ว น้ำลายออกมามาก ประสาทหลอน ถ้าเสพมากๆ อาจทำให้หัวใจวายตายได้
พิษเรื้อรัง
เป็นผลจากการสูดดมสารระเหยติดต่อกันเป็นเวลานาน
ระบบประสาทเกิดการวิงเวียน เดินโซเซ มือสั่น เซื่องซึม ความคิดอ่านสับสน นิสัยและอารมณืเปลี่ยนแปลง ชาตามปลายมือปลายเท้า ประสาทหลอน
ระบบหัวใจและหลอดเลือด มีผลทำให้จังหวะการเต้นของหัวใจผิดปกติ
ระบบทางเดินหายใจ เกิดการระคายเคืองตั้งแต่ปลายจมูกถึงหลอดลม ปอด หลอดลมและถุงลมอักเสบ น้ำคั่งในปอด เลือกออกในถุงลมและอักเสบ
ระบบทางเดินอาหาร ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร มีผลทำลายเนื้อตับเป็นหย่อมๆ ตับโตขั้นอักเสบ
ระบบกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อฝ่อลีบ จนเป็นอัมพาต
ระบบสืบพันธุ์ เกิดการเปลี่ยนแปลงโครโมโซมซึ่งมีหน้าที่ถ่ายทอดกรรมพันธุ์
กลับหัวข้อเรื่อง
ข้อมูลนี้ถูกทำการปรับปรุงครั้งสุดท้ายเมื่อ :
โดย นายรอม อามือ อาหงี่